วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ

                                                                      ความรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ

          คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ที่ประกอบด้วยชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรับข้อมูลและชุดคำสั่ง (Program) ในรูปแบบที่เครื่องรับได้แล้วนำมาประมวลผล (Process) ข้อมูลตามคำสั่งเพื่อแก้ปัญหา หรือทำการคำนวณที่สลับซับซ้อนจนได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และยังสามารถบันทึกหรือแสดงผลลัพธ์เหล่านั้นได้
          คอมพิวเตอร์มีด้วยกันหลายประเภท ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าต้องการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานประเภทใดจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับงานและความต้องการ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีทั้งคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ประเภทใด จะสามารถทำงานได้จะต้องมีระบบปฏิบัติการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบตัวหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์แต่ละประเภทอาจจะมีการใช้ระบบปฏิบัติการที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของคอมพิวเตอร์นั้น
          สำหรับรายงานฉบับนี้จะกล่าวถึงระบบปฏิบัติบนเครื่องคอมพิวเตอร์และระบบปฏิบัติการบนโทรศัพท์มือถือที่มีใช้ในปัจจุบัน ก่อนอื่นจะขอกล่าวถึงความสำคัญของระบบปฏิบัติการ วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการและประเภทของระบบปฏิบัติการ ก่อนที่จะกล่าวถึงรายละเอียดของระบบปฏิบัติการที่พบเห็นและได้รับความนิยมในปัจจุบัน

ความสำคัญของระบบปฏิบัติการ

          ระบบปฏิบัติการเป็นโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของฮาร์ดแวร์และโปรแกรมประยุกต์ต่างๆให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ จึงเปรียบเสมือนสื่อกลางระหว่างผู้ใช้กับฮาร์ดแวร์ ทำหน้าที่เป็นล่ามคอยแปลคำสั่งจากผู้ใช้ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า เพื่อให้ฮาร์ดแวร์ในรูปวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดทำงานตามที่ต้องการ

วิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ
          ระบบปฏิบัติการมีการวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่มีนำการใช้คอมพิวเตอร์มาใช้ในการทำงานด้านต่างๆ ซึ่งสามารถแบ่งวิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการได้ดังนี้
1. ยุคเริ่มต้นหรือศูนย์ ยุคนี้เป็นยุคแรกที่มีการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีแต่เครื่องเปล่ายังไม่มีระบบปฏิบัติการ ผู้ใช้จะต้องควบคุมสวิตซ์ต่างๆ ของเครื่องโดยตรง หรือผ่านภาษาเครื่องในรูป 0 หรือ 1 หรือเลขฐานสอง
2. ยุคที่หนึ่งของระบบปฏิบัติการ เริ่มมีการเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหาในรูปของงานกลุ่ม หน้าที่หลักของระบบปฏิบัติการคือ ปรับระบบของคอมพิวเตอร์เข้าสู่สภาวะพร้อมที่จะรองรับงานกลุ่มต่อไป
3. ยุคที่สองของระบบปฏิบัติการ เป็นยุคที่มีการพัฒนาระบบการทำงานแบบหลายโปรแกรม (Multiprogramming) การทำงานแบบหลายตัวประมวลผล (Multiprocessing) และการทำงานแบบหลายภารกิจ (Multitasking) ระบบปฏิบัติการในยุคนี้สามารถรับคำสั่งการทำงานจากผู้ใช้ได้พร้อมๆ กันทีละหลายๆ คน โดยสลับทำงานตามคำสั่งไปมาอย่างรวดเร็ว
4. ยุคที่สามของระบบปฏิบัติการ ยุคนี้การพัฒนากระบบปฏิบัติการอเนกประสงค์ เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาระบบงานขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยโปรแกรมย่อยๆ แยกกันทำงานเป็นส่วนๆ แทนระบบงานชิ้นเดียว ทำให้การพัฒนาระบบปฏิบัติการมีความซับซ้อนมากขึ้น
5. ยุคที่สี่ของระบบปฏิบัติการ ยุคนี้ระบบปฏิบัติการเริ่มเปลี่ยนเป็นระบบควบคุมเฉพาะด้าน เนื่องจากการคิดค้นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ทำให้เกิดความต้องการข้อมูลมากขึ้น สามารถเรียกใช้ได้ทันที รวดเร็ว ถูกต้อง โดยการติดต่อตรงหรือผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการในยุคนี้มีขนาดเล็กลงเหลือเพียงส่วนแกนที่จำเป็นในการควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น และแยกระบบงานเป็นระบบย่อยที่กระทำการอย่างอิสระ เช่น ระบบแฟ้มข้อมูล ระบบจัดการหน่วยความจำ
ประเภทของระบบปฏิบัติการ
          ระบบปฏิบัติการที่ใช้กันในปัจจุบันอาจนำเอาไปใช้กับคอมพิวเตอร์ได้หลายชนิด ตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จนถึงคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเล็ก แบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
1. ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (stand-alone OS) เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป มุ่งเน้นสำหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ตามบ้าน ตามสำนักงาน ระบบปฏิบัติการไว้รองรับการทำงานบางอย่างเช่น พิมพ์รายงาน ดูหนังฟังเพลง เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ปัจจุบันระบบปฏิบัติการนี้ได้พัฒนาให้มีคุณสมบัติที่เป็นเครื่องลูกข่ายเพื่อขอรับบริการจากเครื่องแม่ข่ายได้ด้วย
2. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (network OS) เป็นระบบปฏิบัติการที่มุ่งเน้นให้บริการสำหรับผู้ใช้หลายๆคน (multi-user) ใช้สำหรับงานบริการและประมวลผลข้อมูลบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มักจะให้ในองค์กรธุรกิจทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการพวกนี้เรียกว่า server สำหรับบริการข้อมูลต่างๆให้กับผู้ใช้
3. ระบบปฏิบัติการแบบฝัง(embedded OS) เป็นระบบปฏิบัติการที่พบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น เครื่องพีดีเอ หรือ Smart Phone เป็นระบบปฏิบัติที่เกิดขึ้นมาหลังสุดพร้อมๆกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา บางระบบมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว เช่นสามารถดูหนัง ฟังเพลงหรือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้


ระบบปฏิบัติการที่พบเห็นและได้รับความนิยมในปัจจุบัน


ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (stand-alone OS)
  •           DOS (Disk Operating System) เป็นระบบปฏิบัติการซึ่งพัฒนาขึ้นเมื่อประมาณปี 1980 โดยบริษัท IBM เพื่อใช้สำหรับเครื่องพีซีเป็นหลัก ซึ่งตัวโปรแกรม DOS จะถูก Load หรืออ่านจากจากแผ่นดิสก์เข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำก่อน จากนั้นจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานต่าง ๆ ระหว่างผู้ใช้กับอุปกณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหลายโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ต้องป้อนชุดคำสั่งที่เรียกกว่า command-line ทีละบรรทัดเพื่อให้เครื่องทำงานตามคำสั่งนั้นๆ ผู้ใช้จะต้องจดคำสั่งต่างๆ ที่จะป้อนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน เดิมระบบปฏิบัติการDOS มีชื่อเรียกว่า PC-DOS เพื่อใช้กับเครื่องของบริษัทไอบีเอ็ม ต่อมาบริษัทไมโครซอฟต์ได้ทำการผลิตระบบปฏิบัติแบบใหม่ออกมาเป็นของตนเอง ซึ่งมีชื่อว่า MS-DOS ระบบปฏิบัติการDOS ถือได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการที่เก่าแก่ และปัจจุบันนี้มีการใช้งานน้อยมาก
                                                              รูปที่ 1 ระบบปฏิบัติการดอส
          จากรูปที่ 1 ระบบปฏิบัติการDOS ทำการบู๊ตเครื่องโดย DOS จะถูก Load จาก Drive C : เมื่อทำการบู๊ตเครื่องเสร็จจะขึ้นสัญลักษณ์ C:\> พร้อมที่จะรับคำสั่งต่างๆ จากผู้ใช้ ถ้าระบบปฏิบัติการ DOS ถูก Load จาก Drive A: เมื่อบู๊ตจะขึ้นสัญลักษณ์ A:\>

  •           Windows เป็นระบบการใช้งานที่เรียกว่า GUI (Graphical User Interface) ซึ่งเป็นของบริษัทไมโครซอฟต์ ผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้งานระบบปฏิบัติDOS ที่ผู้ใช้จะต้องจดจำคำสั่งการทำงาน และต้องคอยป้อนคำสั่งทีละบรรทัด เมื่อมีการผลิตระบบปฏิบัติการ Windows ขึ้นมาใช้งานทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้คล่องตัวมากขึ้นและไม่ต้องมาจดจำคำสั่ง เนื่องระบบปฏิบัติ Windows ได้นำเอารูปแบบของสัญลักษณ์ที่เป็นภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนข้อมูลคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งวิวัฒนาการของระบบปฏิบัติการ Windows ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆ คือตั้งแต่ Windows 1.0 จนถึง Windows 7 ในปัจจุบัน ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะ Windows ที่เป็นระบบปฏิบิตการเดี่ยว ซึ่งแต่ละรุ่นมีรายละเอียดดังนี้

    • Windows1.0                                                                                                           Windows 1.0 เป็นระบบปฏิบิตการแบบ 16 bit ที่มี GUI ตัวแรกของ Microsoft โดย ผู้ใช้ต้องลง DOS ก่อน แล้วถึงลง Windows 1.0 ตามอีกที Windows 1.0 สามารถเรียกใช้งาน โปรแกรมและฟังก์ชันต่างๆ บนดอสได้ รวมถึงโปรแกรมสำหรับวินโดวส์นั้นยังรันด้วยไฟล์ .exe เหมือนโปรแกรมดอสอื่นๆ แต่ว่าวินโดวส์ไฟล์ .exeนั้นเป็นรูปแบบใหม่ต่างจากเดิม ซึ่งสามารถเรียกได้ผ่านวินโดวส์เท่านั้น เนื่องจากไมโครซอฟท์ได้มีการรองรับความเข้ากันได้ กับรุ่นก่อนๆอย่างมาก จึงทำให้ โปรแกรมที่พัฒนาสำหรับวินโดวส์ 1.0 นั้นยังสามารถ ทำงานได้ในวินโดวส์รุ่นปัจจุบัน และยังสามารถเปลี่ยนโปรแกรมให้เป็นรูปแบบทันสมัย เหมือนโปรแกรมปัจจุบันได้โดยการแก้ไขเพียงเล็กน้อยโปรแกรมที่มาพร้อมกับ OS ก็มีพวก Calculator, Calendar, Cardfile, Clipboard viewer, Clock, Control Panel, Notepad, Paint,Reversi, Terminal, และ Write

    •                                         รูปที่ 2 ระบบปฏิบัติการ Windows 1.0
    • Windows 2.0
                Windows 2.0 ก็ยังเป็น 16 bit อยู่ ออกมาในปี 1988 แถมมากับคอมพิวเตอร์ของ AT&T ในฐานะของโปรแกรมทดสอบสำหรับสถานศึกษา Windows 2.0 ได้เพิ่มระดับศักยภาพและความสามารถหลายส่วน และบางส่วนนั้นคล้ายคลึงกับแมคอินทอชรุ่นแรก เริ่มมีระบบ Plug&Play แล้ว สิ่งที่พัฒนาจาก Windows 1.0 คือสามารถลาก Application ที่รันอยู่ไปวางซ้อนกันได้ มี Keyboard Shortcut และมีปุ่ม Minimize/Maximize หน้าต่าง แต่การบริหารจัดการไฟล์ในวินโดวส์ยังใช้ดอสเป็นฉากหลังอยู่เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้ วินโดวส์ 2.0 เป็นรุ่นแรกที่ไมโครซอฟท์ เวิร์ด และเอกซ์เซลรันบนวินโดวส์ และยังได้รับการสนับสนุนจากผู้พัฒนาอื่นๆเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่ารุ่นก่อน
                                                             รูปที่ 3 ระบบปฏิบบัติการ Windows 2.0


      • Windows3.0                                                                                                             Windows 3.0 ออกมาในวันที่ 22 พฤษภาคม 1990 เป็น Windows รุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง Windows 3.0 มี Protected/Enhanced mode เพื่อให้ Applicaton ของ Windows สามารถใช้ Memory เยอะได้มากกว่าที่ DOS จัดมาให้ (ยังรันบน DOS อยู่) และได้เริ่มมีการใช้ระบบ VxD [Virtual Device Driver] ซึ่งเป็น Driver ของ Windows ซึ่งช่วยในการติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยอาศัยระบบการบริหารหน่วยความจำเข้ามาช่วย หรือเป็นที่รู้จักกันดีในตอนนี้คือ kernel นั่นเอง
                                               รูปที่ 4 ระบบปฏิบัติการ Windows 3.0
      • Windows 3.1X
                    Windows 3.1X รองรับการเข้าถึงไฟล์ 32 บิต ออกมาสานต่อความสำเร็จของ Windows 3.0 โดยออกมาในเดือนมีนาคม 1992 Windows 3.1X ออกแบบมาโดยใช้โทนสีชื่อ Hotdog Sand ซึ่งประกอบด้วยสีหลักๆ คือ แดง เหลือง ดำ เพื่อช่วยให้คนที่ตาบอดสีในระดับหนึ่งสามารถมองตัวอักษร,ภาพ ได้สะดวกขึ้น Windows for Workgroups 3.1 ออกมาในเดือนตุลาคม 1992 โดยเพิ่มเติมในส่วนของการสนับสนุนระบบเครือข่าย รวมถึงโพรโทคอลต่างๆ อย่างการแชร์ข้อมูลด้วย SMB ผ่านโพรโทคอล NetBEUI หรือ IPX นอกจากนั้นยังรวมโปรแกรมเกม Hearts ส่วนประกอบ Winsockนั้นจำเป็นสำหรับความสามารถเน็ตเวิร์ก TCP/IP บนวินโดวส์           Windows 3.1X อยู่ในตลาดมานานถึง 18 ปี โดยทั่วไป Windows 3.1 ที่ใช้กันอยู่ใก็มักจะอยู่กับเครื่องคิดเงิน หรือระบบ Embedded ต่างๆ ซึ่งรวมไปถึง Entertainment System ของสายการบิน Virgin อีกด้วย ด้วยที่มันกินทรัพยากรในการทำงานน้อยมาก เพราะเจ้า Windows 3.1 นี้ ต้องการความเร็วของ CPU แค่เพียง 10 MHz, ความจุของดิสส์ 7 MB และใช้ Ram เพียง 640 KB เท่านั้น ซึ่งต่างจาก Windows Vista กันอย่างสิ้นเชิง แต่ปัจจุบัน Microsoft ได้ยุติการจำหน่าย license สำหรับ Windows 3.1 ไปแล้ว
                                                    รูปที่ 5 ระบบปฏิบัติการ Windows 3.1X
      • Windows 95
                      เป็นระบบปฏิบัติการ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ Microsoft Windows 95 เป็น การทำงานแบบกูอี้ (GUI )โดยติดต่อประสานงานกับผู้ใช้แบบกราฟฟิก ออกมาในวันที่ 24 สิงหาคม 1995 เริ่มแยกตัวออกจาก DOS แล้ว โดย Microsoft ได้ออก MS-DOS 7.0 ซึ่งเป็น DOS รุ่นปรับปรุง ความสามารถเพื่อให้รองรับ Windows ใน Windows 95 นี้มีการปรับปรุง User Interface เป็นแบบใหม่ โดยแทบจะไม่เหลือ สิ่งเดิมๆ ที่เคยมาจาก Windows รุ่นก่อนๆ ซึ่งสิ่งใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาก็ได้แก่ Taskbar, Start button ,Start menu, และมี Windows Explorer เอาไว้จัดการไฟล์ Windows 95 รองรับการตั้ง ชื่อไฟล์ได้สูงสุด 255 ตัวอักษร รวมนามสกุล (ใน Windows รุ่นก่อนๆ ตั้งชื่อไฟล์ในระบบ 8.3 คือชื่อไฟล์ 8 ตัว นามสกุลอีก 3 ตัว ซึ่งเป็นข้อจำกัดมาจาก DOS) มีการทำงานแบบ 32 bit Multitasking                 วินโดวส์ 95 มีความต้องการขั้นต่ำอย่างเป็นทางการคือ Intel 80386 (หรือเทียบเท่า) แรม 4MB และเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์ 50MB หรือมากกว่า
                                                       รูปที่ 6 ระบบปฏิบัติการ Windows 95
      • Windows Millennium Edition (ME)
                           Windows Millennium Edition พัฒนามาจากสาย Windows 9x เป็นระบบปฏิบัติการ ลูกผสม 16-bit/32-bit ออกวางขาย 14 กันยายน 2000 โดยมาพร้อมกับ Internet Explorer 5.5, Windows Media Player 7, และ Windows Movie Maker (มี System Restore ด้วย) โดยปรับปรุง User Interface ให้ดูคล้ายๆ Windows 2000 ซึ่งผลตอบรับของ Windows ME ไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากมีปัญหาเรื่อง bug มากมาย กลุ่มเป้าหมายของ Windows ME คือผู้ใช้งานตามบ้านทั่วไป
                                                    รูปที่ 7 ระบบปฏิบัติการ Windows ME
      • Windows XP
                            เป็นการรวมสายการพัฒนาของ Windows 9x กับ NT เข้าด้วยกัน ออกวางขายวันที่ 25 ตุลาคม 2001 ได้รับความนิยมสูงมาก และครองตลาดอยู่นานมากๆ จนเรียกได้ว่า OS ของคอมส่วนใหญ่ในโลก นี้เป็น Windows XP โดย Windows XP นั้นเน้นการใช้งานส่วนบุคคล ชื่อ XP มาจากคำว่า Experience ซึ่งหมายถึง ประสปการณ์ Windows XP มีออกมา 2 รุ่น คือ Windows XP Home กับ Windows XP Professional และมี Windows XP Media Center ตามออกมาทีหลังโดยเน้นความบันเทิงเป็นหลัก การ เปลี่ยนแปลงของ Windows XP ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็เป็นเรื่องของ User Interface โดยเปลี่ยนจากแบบ เหลี่ยมๆ เทาๆ มันเป็นแบบหน้ามน มีสีสันสดใส รวมทั้ง Icon ต่างๆ ก็ถูกเปลี่ยนใหม่ แสดงสีสันได้มาก ขึ้น มาพร้อมกับ Internet Explorer 6 ที่ไม่มีวันตาย Windows Media Player 8  
                                                       รูปที่ 8 ระบบปฏิบัติการ Windows XP

      • Windows Vista
                             Windows Vista ได้เริ่มพัฒนาครั้งแรกภายใต้ชื่อรหัส ลองฮอร์น (Longhorn) ในปลายเดือน พฤษภาคม 2001 โดยพัฒนาต่อมาจาก Microsoft Windows XP และ Microsoft Windows Server 2003 ออกมาวางขายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2006 Windows Vista พัฒนาจาก XP ไปเยอะมาก ทั้งเรื่องระบบ ความปลอดภัย มีการใส่ User Account Control เข้ามา เพื่อสร้างความปลอดภัย+รำคาญให้กับผู้ใช้ Windows Aero ขอบหน้าต่างใสๆ ปรับปรุง+เพิ่มโปรแกรมด้าน Multimedia เช่น Windows Media Player 10,Windows DVD Maker ปรับปรุงระบบ API ใส่ .NET 3.0 มาให้ด้วยเลย และด้าน Network ก็ มาพร้อมกับ Internet Explorer 7
                                                    รูปที่ 9 ระบบปฏิบัติการ Windows Vista
    • Windows 7
                   จากความล้มเหลวใน Vista ทำให้ Microsoft แก้ตัวใหม่ โดยรื้อระบบใหม่เยอะมากๆ ปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้ดีขึ้นไปอีก กินแรมน้อยลงกว่า Vista มาก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของ Windows 7 คือ Taskbar แบบใหม่ ที่เรียกว่า Superbar นอกนั้นก็เป็นการเพิ่มความสามารถใหม่เข้ามา รวมถึงปรับปรุงโปรแกรมเก่าๆ ที่อยู่คู่กับ Windows มาช้านาน เช่น Paint,Wordpad,Calculator โดย Windows 7 ได้รับคำชมจากผู้ใช้มา ตั้งแต่ออกตัว Beta มาแล้ว และหลังจากออกตัว RC 1 มาให้ใช้กันฟรี ๆ ถึง 1 ปี Windows 7 ก็ประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรกที่ออกวางจำหน่ายในวันที่ 29 ตุลาคม 2009 โดยคาดว่าในอีกไม่นาน Windows 7 จะมาเป็น OS หลักสำหรับ PC แทนที่ Windows XP ที่จะมีอายุครบ 10 ปี ในปีหน้า
                                                  รูปที่ 10 ระบบปฏิบัติการWindows 7                            
    • MacOSX                                                                                                                                                       เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทแอปเปิลเท่านั้น และถูกพัฒนามาจากระบบปฏิบิตการ UNIX และมีระบบสนับสนุนแบบ GUI เช่นเดียวกับระบบปฏิบบัติการ Windows วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2001 ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก คือ แกนกลาง ดาร์วิน (Darwin) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมการทำงานแบบยูนิกซ์ที่เป็นโอเพนซอร์ส และส่วนติดต่อผู้ใช้แบบ อควา (Aqua) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของแอปเปิล แอปเปิลยังได้สร้างแมคโอเอสเท็นรุ่นปรับปรุง เพื่อนำไปใช้ในอุปกรณ์ของแอปเปิล 4 ตัวได้แก่ แอปเปิลทีวี ไอโฟน ไอพอดทัช และไอแพด โดยที่ไอโฟน ไอพอดทัช และไอแพดนั้นจะใช้รุ่นของแมคโอเอสที่เรียกว่า iPhone OS ซึ่งระบบปฏิบัติการที่แก้ไขนี้จะมีแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ไดรเวอร์และส่วนประกอบอื่นที่ไม่จำเป็นจะถูกนำออกไป ตัวอักษร "X" หมายถึงเลขสิบในระบบโรมัน และอ่านออกเสียงว่า "เท็น" (Ten, แปลว่า "สิบ" ในภาษาอังกฤษ) แสดงถึงรุ่นที่ต่อมาจากแมคโอเอสตัวก่อนหน้าคือ แมคโอเอส 9 นอกจากนี้ตัวอักษร X ยังแสดงถึงความเป็นยูนิกซ์ (UNIX) ในตัวระบบปฏิบัติการด้วย

                                                     รูปที่ 11 ระบบปฏิบบัติการ Mac OS X
     
    ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS)
      • Windows Server
                                   เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับระบบเครือข่ายโดยเฉพาะ รุ่นแรกออกมาในชื่อ   Windows NT และพัฒนาต่อมาเป็น Windows 2000 และรุ่นล่าสุดคือ Windows Server 2008 ผลิตมาเพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง พัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟต์ส่วนใหญ่เหมาะกับการติดตั้งและใช้งานเครื่องประเภทแม่ข่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถใช้เป็นดาต้าเบสเซอรฟ์เวอร์ และอินเตอร์เน็ตเซอรฟ์เวอร์


                                                   รูปที่ 12 ระบบปฏิบบัติการWindows server 2008

      • Unix ยูนิกซ์
                                    เดิมมีชื่อว่า UNICS ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Unix ระบบปฏิบัติการตัวนี้เริ่มพัฒนาโดยกลุ่มพนักงานของห้องปฏิบัติการ AT&T Bell Labs และเป็นเทคโนโลยีแบบเปิด (open system)ซี่งเป็นแนวคิดที่ผู้ใช้ไม่ต้อง ผูกติด กับระบบใดระบบหนึ่งหรืออุปกรณ์ยี่ห้อเดียวกัน Unix กำเนิดบนเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่(Mainframe) ที่รองรับผู้ใช้จำนวนมากสำหรับระบบเครือข่ายในหน่วยงานใหญ่ๆ เป็นโปรแกรมจัดการระบบงานในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง แม้ว่าระบบ Unix จะคิดค้นมานานแล้ว แต่ยังเป็นที่นิยมใช้กันมากจนถึงปัจจุบน โดยเฉพาะรบบพื้นฐานของอินเตอร์เน็ต เนื่องจากมีความคล่องตัวสูง ตลอดจนสามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์หลายชนิด

                                                                รูปที่ 13 ระบบปฏิบัติการ Unix
      • Linux                                                                                                                                                                                                       
                                    พัฒนาโดยอาศัยต้นแบบการใช้งานของระบบ Unix และใช้โค้ดที่เขียนและเผยแพร่ในแบบโอเพ่นซอร์ส(open source) ที่เปิดเผยโปรแกรมต้นฉบับให้ผู้ใช้สามารถจะพัฒนาแก้ไขระบบต่าง ๆ ได้เองตามที่ต้องการ มีการผลิตออกมาหลายชื่อเรียกแตกต่างกันไป สำหรับประเทศไทยได้มีการพัฒนา Linux ออกมาใช้แล้วเช่น Linux TLE ของศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ Linux มีทั้งแบบที่ใช้งานสำหรับควบคุมเครือข่าย และแบบที่ใช้งานบนเครื่องสำหรับผู้ใช้คนเดียว ปัจจุบันลินุกซ์ได้รับความนิยมเนื่องมาจากระบบการทำงานที่เป็นอิสระ ปลอดภัย เชื่อถือได้ และราคาต่ำ           

                                                                 รูปที่ 14 ระบบปฏิบัติการ Linux
    ระบบปฏิบัติการแบบฝัง(embedded OS)
      • Windows Mobile (Windows CE เดิม)
                                  วินโดวส์โมเบิล (Windows mobile) หรือ วินโดวส์โมบายล์ (ชื่อในไทย) คือระบบปฏิบัติการที่เล็กกะทัดรัดสามารถรองรับการทำงานแบบ multi-tasking ได้เช่นเดียวกับ OS ตัวอื่นๆ เช่น ท่องเว็บหรือค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตไปได้พร้อม ๆ กับการฟังเพลงหรือตรวจเช็คออีเมล์ได้พร้อมๆ กับการสร้างบันทึกช่วยจำ Windows Mobile ประกอบด้วยชุดแอปฟลิเคชั่นพื้นฐาน สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ บน Microsoft Win32 API อุปกรณ์ที่ใช้ระบบวินโดวส์โมเบิลมี พ็อกเก็ตพีซี,สมาทโฟน,พอร์เทเบิลมีเดียเซ็นเตอร์ ออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ เพื่อจะเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ทำงานอัตโนมัติอย่างแท้จริง มันถูกออกแบบให้มีระบบปฏิบัติการคล้ายวินโดวส์บนเครื่องพีซีทั่วไป เช่น จุดเด่น แบบอย่าง และความเกี่ยวข้องกัน ส่วนที่พัฒนาซอฟแวร์คือ ความพิเศษสำหรับวินโดวส์โมเบิล ต้นกำเนิดของระบบปฏิบัติการวินโดวส์โมเบิลคือ ระบบปฏิบัติการ Pocket PC 2000
                          รูปที่ 15 ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile มีใช้ในเครื่อง Pocket PC และในโทรศัพท์มือถือบางรุ่น
      • Palm Os ปาล์มโอเอส หรือ พาล์มโอเอส (PalmOS)
                                  เป็นระบบปฏิบัติการ ที่สร้างขึ้นโดยบริษัท ปาล์มซอร์สอิงค์ สำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มือถือที่เรียกว่าพีดีเอ มาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐาน เช่น สมุดบันทึกที่อยู่, นาฬิกา, ระบบการโอนย้ายข้อมูล(Sync) และระบบความปลอดภัย อาจมีการนำเอาระบบนี้ไปใช้กับคอมพิวเตอร์แบบพกพาของค่ายผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีของบริษัทอื่นด้วย ปัจจุบันมีการพัฒนาที่ดีขึ้นโดยออกแบบส่งประสานงานหรืออินเตอร์เฟสให้น่าใช้มากกว่าเดิม และรองรับการทำงานผ่านเว็บด้วยสำหรับเครื่องบางรุ่น โดยตั้งชื่อใหม่ว่า webOS
          
                                                            รูปที่ 16 ระบบปฏิบัติการ Plam OS

      • Symbian Os
                                   คือระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สาย ใช้งานบนโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ ซึ่งช่วยให้โทรศัพท์ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เพราะสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆ มาเก็บไว้เหมือนคอมพิวเตอร์ได้ หรือที่เรียกว่า โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ยังสนับสนุนการทำงานแบบหลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน (multi-tasking) ทำให้โทรศัพท์มือถือมีความสามารถที่นอกเหนือจากแค่รับสายพูดคุยในแบบทั่วไปเพียงอย่างเดียว เช่น การบันทึกนัดหมาย ท่องเว็บ ส่งและรับอีเมล์ โดยจะเห็นได้จากโทรศัพท์มือถือหลาย ๆ รุ่นของโนเกีย พานาโซนิค โซนี่ อีริคสัน และซีเมนส์ และเป็นระบบปฏิบัติการมาตรฐานของโทรศัพท์เคลื่อนที่และ PDA ในอนาคต
                                                            รูปที่ 17 ระบบปฏิบัติการ Symbian OS

      • Android
                                   เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์มือถือในแบบ Open-Source พัฒนาโดยบริษัท google ผู้นำด้านเสิร์ชเอ็นจิ้นชื่อดัง โดยมีโปรแกรมสำหรับใช้งานต่างๆเช่น SMS, ปฏิทินกำหนดการ, บราวเซอร์, สมุดโทรศพท์ เกมส์, โปรแกรมทางธุรกิจ และการจัดการข้อมูลต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานกับโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ โทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบ Android นี้ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งมือถือให้มีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้นได้เช่น เปลี่ยนรูปแบบหน้าจอ, ลักษณะของปุ่มกด, การปรับแต่งโปรแกรมต่างๆเช่น เลือกให้โปรแกรมดูรูปที่ชื่นชอบ ใช้งานเป็นโปรแกรมดูรูปหลักสำหรับเครื่องแทน ก็สามารถทำได้ตามที่ต้องการ
                                                           รูปที่ 18 ระบบปฏิบัติการ Android

      • BlackBerry OS
                                  เป็นของบริษัท Research In Motion (RIM ) และเป็นระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ของ BlackBerry จุดเด่นของ BlackBerry มักจะเน้นไปยังค่าย OP และการรับส่งอีเมล์ที่ ทำได้ค่อนข้างคล่องแคล่วและปลอดภัยกว่าระบบอื่น ที่เจอบ่อยๆในประเทศไทยนำมาขายคือ AIS และ โทรศัพท์ที่เปิดตัวล่าสุดของ Blackberry คือ "Storm" ซึ่งถูกพัฒนาตามกระแสหน้าจอสัมผัส BlackBerray OS เป็นระบบปฏิบัติที่ทำงานแบบ multitasking และสนับสนุนอุปกรณ์ป้อนข้อมูลเฉพาะที่ได้รับการรับรองโดย RIM สำหรบใช้ในอุปกรณ์พกพาได้ โดยเฉพาะ trackwheel trackball และล่าสุดให้กับ trackpad และ touchscreen


                                                   รูปที่ 19 ระบบปฏิบัติการ Blackberry
      • iPhone OS
                                  เป็นระบบปฏิบัติที่ผลิตโดยบริษัทแอปเปิ้ล ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว iPhone OS 4 ซึ่งระบบปฏิบบัติการตัวนี้สามารถใช้ได้ทั้งใน iPhone และ iPod Touch และยังมี software development kit (SDK) iPhone OS 4.0 นั้นมีความสามารถของ API Framework เพิ่มขึ้นมากขึ้น กว่า 1500 Features ต่อมาคือ In-app SMS นั่นคือสามารถให้นักพัฒนาโปรแกรม พัฒนาให้ส่ง/เปิด SMS ได้ผ่าน Application นั้นได้ทันที โดยไม่ต้องออกจาดโปรแกรมให้ยุ่งยาก ความสามารถอีกอย่างคือ Automated testing ความสามารถที่คำนวณจากกำลังของ hardware ของเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้โปรแกรมที่สร่งเสร็จแล้วนั้นตอบสนองการทำงานเร็วขึ้นมาก ความสามารถที่เด่นชัดเจนจริงๆของ iPhone OS 4.0 คงกล่าวได้อีก 7 อย่าง ที่ Apple ภูมิใจนำเสนอคือ
     1. ระบบ Multitasking Apple จึงได้พัฒนาระบบ Multitasking ให้ดูมีประสิทธิภาพเพียงพอและไม่กินพลังงานหรือการทำงานของ CPU มากเกินไป จึงคิดค้นระบบ 7 Services ขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การทำงานจะแบ่งได้ 7 ส่วนได้แก่

                                    1.1 การทำงานแบบ Background audio คือการที่สามารถรองรับการ ทำงานของเสียงหลายๆ        โปรแกรม พร้อมๆกัน

                                    1.2 การทำงานอย่างต่อเนื่องของโปรแกรม Voice Over IP คือสามารถเปิดโปรแกรม
                                          VoIP ทำงานไว้ได้ตลอดเวลาและสามารถเปิดใช้งานโปรแกรมอื่นพร้อมกันไปด้วย
                                    1.3 การทำงานของ Background Location คือการทำงานของระบบ Navigator อย่าง
                                         ต่อเนื่องแม้ไม่ได้อยู่หน้าโปรแกรม
                                    1.4 การทำงานของ Push Notification ที่จะทำงานผ่าน Apple Server เป็นการเตือน
                                         เมื่ออะไรใหม่หรือที่เราสนใจบนหน้าจอทันที

                                    1.5 Local Notification ซึ่งจะเป็นการทำงานของระบบภายในตัวเครื่อง ตั้งปลุก หรือ
                                          แจ้งเตือนแผนงานในปฏิทินบนหน้าจอทันที
                                    1.6 Task Completion ที่จะช่วยให้โปรแกรมนั้นสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อ
                                          ไม่ได้อยู่หน้าโปรแกรมเช่น การอัพโหลดรูปค้างไว้มันจะอัพโหลดต่อจนเสร็จ
                                    1.7 Fast app Switching คือการทำงานของโปรแกรมค้างไว้แม้เราจะออกจากหน้าจอนั้นไปแล้ว

     2. จัด application ต่างๆไว้ในโฟลเดอร์โดยแค่ลากใส่, หา app ตัวโปรดที่คุณอยากใช้ได้เร็วขึ้น,  จัดการ เลือกใช้ และลง app ต่างๆได้ถึง 2160 ตัวพร้อมกัน จากที่เคยลงได้เพียง 180 ตัว
    3. Mail รูปแบบใหม่ ดูอีเมลจากทุก account พร้อมกันได้ใน inbox เดียว, เปลี่ยนดู inbox ต่างๆได้คล่องขึ้น, จัดอีเมลตามหัวข้อสนทนา, และเปิดดู attachment ได้ใน third-party app
    4. iBook iPhone มีความสามารถในการอ่าน ebook ได้ ซึ่งใน iPhone ก็มี iBook Store ทำให้สามารถซื้อ e-book ผ่าน iPhone ได้ทันที และสามารถ Sync ข้อมูลกับ iTunes บนคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
    5. Enterprise คือความสามารถที่เพิ่มขึ้นในส่วนของการรองรับการใช้งานในธุรกิจ ได้เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานให้กับบริษัทมากขึ้น ยังรองรับระบบ Exchange Server ครบถ้วน รวมไปถึงการรับรองความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสแบบ SSL และจัดการ Mobile Device ของบริษัทได้ทั้งหมด ซึ่งทำให้สามารถนำเอา iPhone ไปใช้ในงานธุรกิจได้มากขึ้น
    6. game center เป็นแหล่งรวม คนเล่นเกมส์
    7. iAd ส่วนของ iAd นั้น ได้ถูกวางลงมาเป็นส่วนหนึ่งของ OS เลยโดยที่ Apple อ้างว่าสามารถลง โฆษณาผ่าน Apple ได้ อย่างง่ายดาย ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ Apple จะขอเก็บเงินหัวคิวค่าโฆษณา เป็น 40% ของค่าโฆษณาที่ลงใน iAd ก็แสดงว่าอีก 60% จะเข้ากระเป๋าผู้ลงโฆษณาทันที ซึ่งนับว่าเป็นการก้าวเข้ามาทำเงินในการใช้ iPhone เป็น เครื่องมือโฆษณาอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก

     

                                                        รูปที่ 20 ระบบปฏิบัติการ iPhone
      •  LiMo OS
                                 เป็นระบบปฏิบัติสมาร์ทโพน ที่เกิดจากการรวมตัวของค่ายโอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ Vodafone,FranceTelecom,Telefonica และ Verizo ที่ร่วมกันก่อตั้งlimofoundation ขึ้นมาเพื่อพัฒนา Limo OS ลงสู่ตลาด เพื่อต่อกรกับ iPhone และ Android LiMo OS เป็นระบบปฏิบัติการที่สร้างบนพื้นฐานของ Linux ระบบปฏิบัติการ LiMo ตั้งเป้าเริ่มแรกที่ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ก่อน เครือ ข่าย Vodafones ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะออกมือถือที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ LiMo ตอนนี้ 2 เครื่องด้วยกัน นั่นก็คือ Vodafone 360 H1 และ 360 M1 ซึ่งคาดว่าระบบปฏิบัติการนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้

             รูปที่ 21 ระบบปฏิบัติการ LiMo OS

                                                      มือถือพลัง LiMo Vodafone 360 H1 และ 360 M1

    สรุป
                      ระบบปฏิบัติการ (Operating:OS) เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับซอฟต์แวร์ประยุกต์ ระบบปฏิบัติการมีหน้าที่หลัก ๆ คือ การจัดสรรทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์ ในเรื่องการรับส่งและจัดเก็บข้อมูลกับฮาร์ดแวร์ เช่น การส่งข้อมูลภาพไปแสดงผลที่จอภาพ การส่งข้อมูลไปเก็บหรืออ่านจากฮาร์ดดิสก์ การรับส่งข้อมูลในระบบเครือข่าย การส่งสัญญานเสียงไปออกลำโพง หรือจัดสรรพื้นที่ในหน่วยความจำ ตามที่ซอฟต์แวร์ประยุกต์ร้องขอ รวมทั้งทำหน้าที่จัดสรรเวลาการใช้หน่วยประมวลผลกลาง ในกรณีที่อนุญาตให้รันซอฟต์แวร์ประยุกต์หลายๆ ตัวพร้อมๆ กัน
                      ระบบปฏิบัติการที่เป็นที่นิยมในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทุกวันนี้ ได้แก่ Windows Mac OS X และLinux (เป็นระบบปฏิบัติแบบเครือข่ายด้วย)
                      ระบบปฏิบัติการที่เป็นที่นิยมในคอมพิวเตอร์เครือข่าย ได้แก่ Windows Server Unix และ Linux
    อุปกรณ์อื่นๆ ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ก็อาจมีระบบปฏิบัติการแบบฝังอยู่ในอุปกรณ์ตัวนั้น เช่น ระบบปฏิบัติการ ปาล์มโอเอส หรือ ซิมเบียน ในโทรศัพท์มือถือ

    แหล่งที่มา


    วิโรจน์ ชัยมูล และสุพรรษา ยวงทอง. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ. กรุงเทพฯ : โปรวิชั่น, 2552.

    น.ท.ไพศาล โมลิสกุลมงคล และคณะ. ระบบปฏิบัติการ(Operation System). กรุงเทพฯ : หจก.ไทยเจริญการ พิมพ์, 2545

    พีรพันธ์ โสพัศสถิตย์. ระบบปฏิบัติการ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, 2552



    เอกสารและบทความที่เผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต

    http://www.docstoc.com/docs/19697574/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2-Network-Operating-System-(NOS)

    http://th.wikipedia.org/wiki

    http://phuketsf.thai-forum.net/forum-f26/topic-t119.htm

    http://big99.212cafe.com/archive/2007-10-31/operating-system-dos-disk-operating-system

    http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lekbiz&month=03-2009&date=13&group=8&gblog=4

    http://meetjoeblog.net/2008/11/13/end-of-windows31/

    http://www.mfa.go.th/internet/BDU/vista.pdf

    http://www.siamphone.com/glossary/s.php

    http://www.blognone.com/node/9592

    http://www.blognone.com/node/12823

    http://www.apple.com/th/iphone/preview-iphone-os/

    http://www.mxphone.com/update/6227/3-Limo-Platform

    http://www.nextmobilephone.com/index.php/General-News/limo-os-1.html

    http://www.phonemove.com/news/3g/12748972028504

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น